โซนโรงพยาบาล

โรงพยาบาลเชคญาซิม บิน มูฮำหมัด บิน ษานี เป็นส่วนหนึ่งของโครงการมะดีนะตุสสลาม ที่มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ดำเนินการร่วมกับหลายภาคส่วน เพื่อจัดตั้งสถานพยาบาลในการให้บริการด้านการรักษาพยาบาล การผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สอดคล้องกับวิถีอิสลามในพื้นที่
“SHEIKH HAMAD BIN KHALIFA AL-THANI” ประมุขแห่งรัฐกาตาร์ได้บริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์ในการก่อสร้างโรงพยาบาลทั้งหมด เป็นโรงพยาบาลมูลนิธิของเอกชนในพื้นที่ 64 ไร่ของพื้นที่ทั้งหมด มีจำนวน 133 เตียง ประกอบด้วยอาคารบำบัดรักษา สูง 5 ชั้น(ปรับแบบใหม่เหลือ 4 ชั้น และอาคารสนับสนุนบริการ สูง 3 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 21,183 ตารางเมตร โดยชั้น 1-3 เป็นห้องตรวจ ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องไอซียู ชั้น 4 เป็นวอร์ดคนไข้หลังจากเปิดต้องได้ระบบเจซีไอ Joint Commission International : การรับรองมาตรฐานคุณภาพแก่สถานพยาบาล ด้านการให้การบริการที่มุ่งเน้นคุณภาพ และความปลอดภัยของผู้ป่วย และผู้รับบริการเป็นสำคัญ สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และสามารถตรวจสอบได้ เป็นการรักษาที่เน้นทั้ง 3 มิติ คือ กาย ใจ และจิตวิญญาณ
วัตถุประสงค์ของโครงการ
- เพื่อบริการประชาชนทั่วไปไม่จำกัดเชื้อชาติและศาสนา และเผยแผ่แนวความคิดปรัชญาอิสลามที่บูรณาการกับปรัชญาตะวันออกและมีความทันสมัย โดยผ่านทางการบริการสาธารณสุขแก่สาธารณชน
- เพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ
- เพื่อเป็นแหล่งรายได้ของหน่วยงานที่ร่วมลงทุนในการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ในสังคม
การดำเนินงาน
โรงพยาบาลเชคญาซิม บิน มูฮําหมัด บิน ษานี เป็นโรงพยาบาลมาตรฐาน ได้ออกแบบโรงพยาบาลขนาด 133 เตียง ใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ 650 ล้าน โครงการได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกาตาร์ โดยได้รับอนุมัติงบประมาณ งวดที่ 1 จำนวน 210 ล้านบาท ได้เริ่มก่อสร้างในส่วนของงานโครงสร้าง ใช้งบประมาณ 84,746,459 บาท ได้ก่อสร้างแล้วประมาณ 44.05% การก่อสร้างได้หยุดชั่วคราวตั้งแต่ปี 2556 เนื่องจากทางประเทศกาตาร์ มีความประสงค์จะเปลี่ยนบริษัทผู้รับเหมา
ความคืบหน้า
– วันที่ 28 ธันวาคม 2559 ได้ปลอดจำนองที่ดิน จำนวน 17 ไร่ 0 งาน 48 ตารางวา จำนวน 17,120,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณบริจาคจากประเทศกาตาร์
– วันที่ 31 มกราคม 2560 มูลนิธิมะดีนะตุสสลาม ได้คัดเลือกบริษัท บางกอก แพลนเนอร์ แอนด์ คอนซัลแท้นส์ จำกัด เป็นบริษัทปรึกษาโครงการก่อสร้างโรงพยาบาล โดยได้ลงนามในสัญญาจ้างกับ บริษัท บางกอก แพลนเนอร์แอนด์ คอนซัลแท้นส์ จำกัด เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2560
– วันที่ 26 พฤษภาคม 2560 ได้จ้างบริษัท รักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด ทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โรงพยาบาลเชคญาซิมฯ ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร โรงพยาบาลขนาด 133 เตียง โดยได้ทำสัญญาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 มีระยะเวลา 240 วัน (8 เดือน) ทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ได้ชะลอก่อนจนกว่าอาคารโรงพยาบาลดำเนินการเสร็จและเปิดดำเนินการส่วนของ ขนาด 59 เตียงบางส่วนก่อน
– วันที่ 12 มิถุนายน 2560 ได้จ้างภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ ได้ดำเนินการตรวจสอบสภาพความมั่นคงของอาคารโรงพยาบาล ซึ่งผลการวิเคราะห์สรุปผลได้ว่าการก่อสร้างส่วนใหญ่ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เป็นไปตามแบบแปลน การก่อสร้างสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยมีเงื่อนไขจะต้องมีการซ่อมแซมบางส่วนพร้อมนี้มูลนิธิฯจ้างภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.หาดใหญ่เพื่อออกแบบในงานซ่อมอีกด้วย
– วันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 มูลนิธิฯ ได้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารจากองค์การบริหารส่วนตำบล บานา และโดยได้อนุญาตก่อสร้างใน โรงพยาบาลขนาด 59 เตียง
– วันที่ 13 ธันวาคม 2561 มูลนิธิมะดีนะตุสสลาม เริ่มดำเนินการเปิดประมูลราคาก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลเชคญาซิม บิน มูฮัมหมัด บิน ษานี ในส่วนของ เฟส 1A งานโครงสร้างและงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และผลการประมูลได้คัดเลือก และ ได้ตกลงจ้างเหมาบริษัท เคเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล ในราคาก่อสร้าง 94,982,352.00 ล้านบาท
– วันที่ 21 มีนาคม 2562 ได้เปิดพิธีลงนามในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างระหว่าง มูลนิธิมะดีนะตุสสลามกับบริษัท เคเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ระยะเวลาก่อสร้าง 210 วัน
-การก่อสร้างได้จ้างบริษัท เคเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาและได้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งพบว่ามีความล่าช้า เนื่องจากผู้รับเหมาขาดสภาพคล่องทางการเงิน มีการจ้างผู้รับเหมาช่วง และบางครั้งทางประเทศกาตาร์มีการจ่ายเงินล้าช้า
มูลนิธิฯ ได้พยายามแก้ปัญหา โดยประสานและติดตามงานกับบริษัทบางกอก แพลนเนอร์ แอนด์ คอนซัลแท้นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาและบริษัท เคเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาก่อสร้าง และประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ ทำให้การก่อสร้างได้ดำเนินการต่อสัญญาหมดอายุตั้งแต่วันที่..13 ตุลาคม 2562 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาเพื่อต่อสัญญา และเพื่อขยายสัญญาและค่าปรับ
นอกจากนี้มูลนิธิได้เตรียมงานเพื่อที่ดำเนินในส่วนงานเฟส 1B ซึ่งจะมีการดำเนินการต่อจากเฟส 1A และได้ดำเนินการออกแบบเสร็จเรียบร้อย